เรื่องนี้...HOT จริงๆ

วันเสาร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2555

ชาวต่างชาติ เที่ยวชมสวนห้วยผึ้งจันทร์ผา


ได้รับเฟสติดต่อจากน้องโม่ง(สุชาดา)ที่เคยทำงานด้วยกันขณะที่รับราชการ ว่าอยากพาเพื่อน ๆ ที่ทำงานที่องค์การพัฒนาภาคเอกชน NGO ไปเที่ยวที่สวนห้วยผึ้งจันทน์ผา โดยมีเพื่อนที่เป็นทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ ก็ตอบยินดีต้อนรับ เพราะว่าลองกองที่สวนห้วยผึ้งจันทน์ผา กำสังสุกงอมและต้นที่อยู่ใกล้ ๆ ที่พักก็ยังไม่ได้ตัดส่งตลาด ปล่อยให้สุกงอมหวานกำลังดี

 
นำโดยน้องสุชาดา (โม่ง)                           ให้เด็ดชิมลองกองกับต้น
ติดต่อกันอยู่หลายวัน เพราะทีมงานของน้องอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ ต้องออกจากเชียงใหม่แต่เช้าพอถึงอุตรดิตถ์ก็ประมาณใกล้เที่ยง รับประทานอาหารกลางวันพอดี เมื่อทีมรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ น้องก็โทรถามทาง พอดีช่วงนั้นผมออกจากสวนนำลองกองมาส่งตลาด ก็เลยออกไปต้อนรับที่บริเวณใกล้ร้านอาหารม่อนลับแล
                                        ชมการตัดช่อลองกอง                             ชิมลองกองจากมือเจ้าของสวน 
เมื่อพบปะทักทายกันก็ให้ขับรถตามกันไป วันนี้ก็เช่นเคยผมใช้รถจี๊บเข้าสวน  แต่พอไปใกล้ถึงสวนปัญหาก็คือทางเข้าสวนบางช่วงทางเป็นโคลน รถธรรมดาผ่านไม่ได้ ทุกคนในทีมน่ารักมากยินดีเดินต่อไปประมาณ 500 เมตร ก็ถึงบ้านบนสวน ส่วนคนที่อยากยืนท้ายรถจี๊บก็ให้ยืนไป ส่วนใหญ่ทุกคนยินดีเดินชมวิว สวนหอม และไร่ถั่วเขียว ข้างทาง
                         เดินชมสวน                                 เก็บภาพไปเป็นที่ระลึก
เมื่อไปถึงทุกคนตื่นตา ตื่นใจ โดยเฉพาะน้อง ๆ ทีมต่างชาติซึ่งยังไม่เคยเห็นต้อนลองกอง ผมให้เก็บชิมจากช่อที่ติดอยู่กับต้นเลย  ต่อจากนั้นน้อง ๆ ขอเดินชมสวน และชิมลองกองไปด้วย พาเดินตั้งแต่บ้านพักจนถึงบ้านกลางสวน บางคนเดินจุดสูงสุดของสวน คนที่เดินไม่ไหวก็ไปแค่ครึ่งทางแล้วลงมารอที่ศาลาก้อนเส้าเตาไฟ ดื่มน้ำเย็น รับประทานลองกอง กล้วยหอม กล้วยไข่ ส้มโอ ตะลิงปลิง(น้องคาวาชาวพม่า หลอกให้สาว ๆ ชิมตะลิงปลิงเกือบทุกคน)
                      ที่ไม่ไหวก็หยุดแค่ครึ่งทาง               ชมจนพอใจกลับมาเติมพลังที่ศาลาก้อนเส้าเตาไฟ   
ก่อนกลับทีมน้อง ๆ ขอซื้อลองกองกลับไปด้วย คุณจำเนียรก็จัดการตัดให้ โดยมีน้องคาวาเป็นคนคอยรับช่อลองกอง และอีกหลายคนคอยยกเข่ง ยกบันได พอได้ลองกองพอประมาณ ก็ไปเก็บส้มโอมาให้ชิมพร้อมทั้งฝากทีมน้อง ๆ ไปอีก 4-5ลูก ผมก็จัดการตัดกล้วยไข่ กล้วยน้ำว้าฝากทีมน้อง ๆ ไป และกล้วยที่สุกก็จัดการใส่ถุงให้ไปรับประทานระหว่างทาง ก็เป็นที่สนุกสนานกันดี
                   ติดใจส้มโอ                           ขอซ้ำอีกทีภาพแรกไม่มี น้องคาวา
ขอขอบคุณทีมน้อง ๆ จากองค์การพัฒนาภาคเอกชน NGO ทุกคนที่มาเยี่ยม เรารู้สึกเป็นเกียรติและภูมิใจที่ได้มีโอกาสต้อนรับท่าน ชาวสวนลับแลทุกสวนยินดีต้อนรับผู้มาเยือนครับ และขอฝากอภัยทีมน้อง ๆ ด้วยนะครับ ถ้าหากมีอะไรขาดตกบกพร่องในการต้อนรับ หรือดูแลไม่ทั่วถึง และถ้ามีโอกาสก็ขอเชิญอีกนะครับ ฤดูผลไม้ต่อไปของสวนก็เป็นมะปราง มะยงชิด ก็ราว ๆ ปลายเดือนมกรา-กุมภา ครับ ส่วนส้มโอก็มีตลอดปี  แต่ถ้าจะมาพักผ่อนเอาบรรยากาศก็ขอเชิญทุกเวลาครับ

วันศุกร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2555

ผลไม้หลากหลายที่ลับแล

ช่วงนี้ฟ้าฝนเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ คือไม่ตกแบบพายุมาหรือกระหน่ำแบบไม่มีทีท่าว่าจะหยุด คือตกพอให้ความชุ่มชื้น แบบนี้ชาวนาดอนคือนาน้ำฟ้าก็แย่หน่อยเพราะไม่ค่อยมีน้ำขัง แต่ชาวสวนเริ่มลืมตาอ้าปากได้เพราะสามารถเข้าไปในสวนที่อยู่ในหุบเขาเก็บผลผลิตออกสู่ตลาดได้ แต่ก็ถูกกระแสราคาตลาดกระหน่ำแบบเกือบไม่เหลืออะไรเลย
ลางสาด ลองกองลับแล ยังออกเต็มตลาดทุกวัน
ลองกองลับแลตอนนี้ขอบอกว่าราคาชาวสวนเกือบอยู่ไม่ได้จริง ๆ คือเกรดรวมราคาส่งอยู่ที่ 17 บาท นี่ขนาดพอขายได้แต่บางวันก็ถูกกดราคาเหลือ 15 – 16 บาท คิดดูซิครับค่าคนงานตัด สวนที่อยู่ไกล ๆ ก็ตกกิโลละ 5บาท สวนใกล้หน่อยก็อยู่ที่ 4 บาท ใกล้บ้านสุดก็ตกกิโลละ 3 บาท ค่าน้ำมันบรรทุกออกมาส่งในตลาดอีกละครับ เกือบไม่เหลืออะไรถ้าให้แค่ 15 – 16 บาท ส่วนลางสาดนั้นราคาถูกมาก ขณะนี้เหลือกิโลละ 5-6 บาท แต่พอไปถึงมีผู้บริโภคลองกองเกือบ 30 บาท ลางสาดก็ 15 บาทขึ้นไป
กล้วยน้ำว้า กล้วยหอม
ส้มโอ ราคาถูกมากลูกละไม่ถึง 10 บาท
ถึงอย่างไรในสวนก็ใช่ว่าจะมีเพียงลองกอง ลางสาดอย่างเดียว ผลไม้อื่นที่ชาวสวนหลายรายปลูกไว้ก็สารมารถเก็บมาส่งตลาดได้บ้าง ราคาก็พอไปได้ครับ ตอนนี้ที่สวนห้วยผึ้งฯ ก็มี ส้มโอ มะนาว กล้วยน้ำว้า กล้วยหอม พริกไทย แก้วมังกร ขนุนอ่อน ก็เก็บส่งตลาดพอได้เป็นค่าน้ำ ค่าปุ๋ย ไม่เดือนร้อนมากนัก
มะนาว ที่ลับแลราคาไม่แพง
พริกไทยอ่อน
ถึงอย่างไรก็ตาม ก็อยากจะให้ทุกท่านได้ช่วยอุดหนุนชาวสวนลองกอง ลางสาดลับแล อุตรดิตถ์บ้างนะครับ ผลไม้ในตลาดตอนนี้มีหลายประเภท อยากให้บนโต๊ะอาหารของท่านมีลองกอง ลางสาดลับแล อยู่อีกสักหนึ่งอย่างก็จะเป็นพระคุณครับ ส่วนทุเรียนหมอนทอง บางสวนก็ยังพอมี ราคาก็พอหาซื้อได้ ถ้าผ่านไปอุตรดิตถ์ช่วยแวะอุดหนุนชาวสวนลับแล ลิ้มรสอาหารพื้นเมือง ผลไม้จากสวน ที่อำเภอลับแลถือว่าเป็นการช่วยชาวสวนลับแลครับ

วันเสาร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2555

ลางสาด ลองกองลับแล ผลไม้อร่อยราคาถูก

ผลไม้ที่ลับแลช่วงนี้ออกมากที่สุดเห็นจะเป็นลางสาด ลองกอง ซึ่งจากราคาตลาดตอนนี้ลดลงทุกวัน แสดงว่าผลผลิตออกสู่ตลาดมากขึ้นนั่นเอง และพอดีช่วงนี้ฝนที่ตกในลับแลก็ไม่ชุกมากนัก ทำให้ชาวสวนสามารถเข้าไปตัดลางสาด ลองกองได้
ตัดเองทุกวัน  คนงานก็จ้าง
การตัดลางสาด และลองกองมีวิธีตัดเหมือนกัน ชาวสวนจะเลือกช่อที่สุกมากที่สุด ไม่มีผลสีเขียวติดในช่อ และเวลาบีบผล ผลที่สุกจะอ่อนนุ่มกว่าผลที่ยังไม่สุก นอกจากจะสังเกตจากสีของผลแล้วก็จะบีบดูที่ผลด้วย
ช่อที่ไม่มีสีเขียวตัดได้                                           ช่อนี้ยังมีลูกสีเขียวยังตัดไม้ได้
การตัดส่วนใหญ่ชาวสวนจะจ้างคนตัดที่มีความชำนาญ ราคาจ้างคิดตามกิโลกรัมที่ตัดได้ ถ้าเป็นสวนในห้วยไกลตัดแล้วเจ้าของสวนเอาออกมาเอง คิดกิโลละ 4 บาท แต่ถ้าตัดแล้วคนรับจ้างตัดต้องเอาออกมาให้ คิดกิโลละ 5 บาท สำหรับสวนที่อยู่ใกล้ ๆ หมู่บ้าน ตัดแล้วเอามาไว้ที่บ้านพักในสวน คิดกิโลละ 3 บาท ถ้าลางสาดราคาตลาดไม่ถึง 5 บาท เจ้าของสวนก็จะไม่ตัดจะปล่อยให้ร่วงหล่นไปเอง หรือตกลงกับคนตัดให้นำออกมาขายที่ตลาดแล้วแบ่งรายได้คนละครึ่ง


ตัดจากต้นคนงานก็จะนำมารวมไว้ ก็ต้องจัดลงเข่งใหม่ ที่สวนไม่ได้แยกช่อส่งเป็นเกรดรวมทั้งหมด
ทั้งลางสาดและลองกอง เมื่อตัดใส่เข่งลงจากต้นมาแล้ว เจ้าของหรือคนงานต้องมาจัดลงเข่งใหม่ให้คละกันไป โดยลางสาด ลองกองจะแบ่งเป็นเกรด 4 เกรด คือเบอร์ 1 หมายถึงช่อขนาดใหญ่ เบอร์ 2 หมายถึงช่อขนาดกลาง เบอร์3 หมายถึงช่อขนาดเล็ก ส่วนที่เป็นช่อแต่ติดลูก 5 – 6 ลูก หรือลูกหล่น หรือลูกเล็กแต่ไม่เล็กมาก จะอยู่ในเกรดรวมทั้งหมด
คัดลูกที่ไม่สุกและตกเกรดออก

การนำลางสาด ลองกอง ไปสู่ตลาดเมื่อจัดใส่เข่งเรียบร้อย ก็จะใช้ตาข่ายคลุมป้องกันช่อร่วงออกจากเข่ง บางคนก็นำใส่รถยนต์ หรือรถจักรยานยนต์ ซึ่งทำที่วางเข่งได้ 3 ลูก ขับไปส่งแม่ค้าที่รับซื้อ ซึ่งขณะนี้มีอยู่ทั่วไปส่วนใหญ่ก็จะไปที่ขาประจำ แต่บางคนก็ไปรอราคาที่ลานตลาดผลไม้เทศบาลหัวดง
จัดลงเข่งเสร็จพร้อมนำสู่ตลาด นี่ก็เกือบ 170 กก.
รถชาวสวนนำผลผลิตสู่ตลาดโดยรถจักรยานยนต์ ทั้งลางสาด ลองกอง
ลำเลียงโดยรถยนต์
เมื่อไปถึงสถานที่ที่รับซื้อ ผู้ซึ้อก็จะจ้างคนมาแยกขนาดบรรจุลังพลาสติก  ซึ่งแม่ค้าที่นำส่งตลาดกลางจะมารับซื้อจากผู้ซื้อที่ตลาดหัวดงอีกทอดหนึ่ง การบรรจุลังพลาสติกก็จะบรรจุลังละ 22 กิโลกรัม เป็นน้ำหนักของผลไม้ 20 กิโลกรัม เป็นน้ำหนักของลังพลาสติก 2 กิโลกรัม เมื่อตรวจสอบน้ำหนักได้แล้วก็จะนำไปวางซ้อน ๆ กันไว้ รอรถส่งตลาดกลางมารับอีกทอดหนึ่ง
พอถึงก็ชั่งน้ำหนัก ผู้ซื้อจดจำนวนไว้ รอคนคัดแยกลงลังพลาสติก ตรวจสอบน้ำหนัก
สำหรับแม่ค้าขายย่อย ก็จะซื้อแล้วมานั่งขายที่แผง ที่ตลาดผลไม้ในเมืองอุตรดิตถ์ ก็จะอยู่บนถนนหน้าโรงจักรรถไฟ ส่วนที่ลับแล ก็จะมีวางขายข้างทางทั่วไป และมีที่ตลาดผลไม้เทศบาลหัวดง แต่ถ้าท่านต้องการซื้อจากชาวสวนที่ใส่รถยนต์ หรือรถจักรยานยนต์ ก็สามารถซื้อได้ แต่ท่านต้องซื้อทั้งหมดคันรถ คือรถจักรยานยนต์ก็ต้อง 3 เข่ง รถยนต์ก็แล้วแต่ที่บรรทุกมา ส่วนราคาก็เป็นไปตามที่ผู้ซื้อที่รับซื้อส่งตลาดกลาง วันนี้เกรดรวมอยู่ที่ 20 บาท/กิโลกรม ส่วนช่อก็แล้วแต่ขนาดครับ
ผู้ซื้อจะตรวจสอบน้ำหนักทุกลัง ๆ ละ 22 กก.        รถนำส่งตลาดกลางทุกภาคของประเทศไทย
 แม่ค้าขายย่อยที่แผงตลาดผลไม้เทศบาลหัวดง
 ที่สวนห้วยผึ้งฯ ก็ยังพอมีลองกองอยู่บ้าง ถ้ามีโอกาสก็ขึ้นไปชิมนะครับ โทรบอกก่อนนะครับช่วงนี้ทางเข้าสวนลำบาก ขนาดผมเองยังต้องใช้รถคันเล็กตลอด รถใหญ่ก็เข้าได้แต่สงสารรถครับ ถ้าท่านไปก็จะเอารถออกมารับ รับรองถึงบนสวนเลยครับ หรือไม่สะดวกที่จะเข้าไปสวน จะให้พาไปที่ตลาดผลไม้ก็ได้ครับ อย่าลืมโทรบอกคุณจำเนียร 086 9284180

วันอาทิตย์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2555

ตัดลองกองที่สวน..ห้วยผึ้งฯ

 ♣เมื่อถึงเดือนกันยายน ชาวสวนลับแลส่วนใหญ่ก็จะต้องไปเฝ้าอยู่ที่สวน เพราะลางสาด ลองกองเริ่มสุก คอยตรวจดูเรื่องแมลง และสัตว์จะมาทำลายผลลางสาด ลองกอง เรื่องใหญ่เลยก็คือแมลงตะกร้า(หัวขโมย) พวกนี้คอยมาตัดลองกองก่อนเจ้าของ ความจริงแล้วลางสาด ลองกองทั้งต้นผลจะไม่สุกพร้อมกัน จะสุกคละกันไปช่อนั้นบ้าง ช่อนี้บ้าง เจ้าของก็ตองไปคอยดูและเลือกตัดเอาช่อที่สุกออกมาขายก่อน
ลองกองเริ่มสุกทั้งสวน
การตัดช่อลองกองสุก ก็มีอุปสรรคมากมาย ถ้ากิ่งต้นต่ำก็สามารถเอื้อมมือตัดได้เลย แต่ถ้าต้นไหนสูงก็ต้องใช้บันไดปีนขึ้นไป บางครั้งก็จะมีมดง่าม มดคัดตัวเล็ก มดแดง คอยรบกวนคนตัด บางครั้งก็ไปอาศัยอยู่ในช่อผล การตัดลองกอง ห้ามใช้ยาฆ่าแมลงพ่นช่อเด็ดขาด เพราะจะทำให้ผิวลางสาด ลองกองไหม้ แม่ค้าจะไม่รับซื้อ
เลือกตัดช่อที่สุกก่อน ใส่เข่งพลาสติกสาน
แต่ที่สวนวันนี้เจออุปสรรคค่อนข้างใหญ่หลวง คือเจอรังต่อ ไม่รู้มาอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ ขนาดเกือบเท่าลูกฟุตบอล โชคที่ที่ฝนตกพรำ ๆ ขณะที่ไม่ทันสังเกตุเห็นรังก็ไปถูกต้น ฝนตกเลยไม่ออกมาบินไม่งั้นคงวิ่งกันป่าราบ ต้นนี้ก็เลยต้องเว้นไว้ ถ้าขึ้นไปตัดกลัวไม่มีที่ซ่อน
รังต่อบนต้อนลองกอง..ยามเฝ้าผลสวน..เล่นงานไม่เว้นแต่เจ้าของ
 พอตัดได้ต้องเอาใส่เข่งขนใส่รถเข็นมารวมไว้ที่ศาลาก้อนเส้าฯ แล้วจึงจัดลงเข่งใหม่อีกครั้งเพื่อนำไปส่งแม่ค้าตลาดผลไม้เทศบาลหัวดง วันนี้ก็ได้ 6 – 7 เข่ง เกือบ 100 กก. สำหรับเข่งที่ใส่ลองกอง ก็จะมีเข่งไม่ไผ่สาน เข่งที่ใช้เทปพลาสติกสาน และเข่งหล่อจากพลาสติก สำหรับเข่งไม้ไผ่ซื้อมาคู่ละ 250 บาท เดี๋ยวนี้คนสานเขาฉลาดไม่เอาผิวไม้ไผ่สานทั้งหมด ใช้ไม้ผิวผสมกับไม้ท้องพื้นสานปนกัน ถ้าจะเอาเข่งสานไม้ผิวทั้งหมดก็ต้องอีกราคาซึ่งสูงกว่านี้
เข่งไม้ไผ่ใส่ลองกอง
 เมื่อได้เข่งมาก็ต้องเอาไปรมควันกันมอด กันรา การรมควันก็ต้องใจเย็น ๆ สังเกตไฟถ้าเป็นควันใกล้ไฟจะลุกนั่นและเหมาะที่สุดสำหรับการรมควัน  แต่ถ้าควันอ่อน ๆ หรือไฟลุก จะไม่ได้ผลไม้จะไม่เหลือง ไฟลุกก็จะไหม้  

เข่งไม้ไผ่ต้องนำมารมควันก่อน
ฝากข่าวถึง พี่น้อง ลูก ๆ ที่เคยไปเที่ยวสวน แล้วจองลองกองต้นโน้น ต้นนี้ ขอบอกว่าตอนนี้ ทุกต้นลองกองสุกหมดแล้วคาดว่าปลายเดือนกันยาฯ ก็จะหมด ใครว่าง ๆ ก็เชิญไปชิม ไปทานกันที่สวนนะครับ
ต้นนี้มีคนจองมากมาย ยังคงเหลือไว้รอคนจอง